อันนี้เป็นหนังสือบอกกล่าวทวงถาม และคำฟ้องสัญญาในกรณีผิดสัญญาซื้อขาย
------------------------------------------------------
หนังสือบอกกล่าวทวงถาม
วันที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2548
เรื่อง ขอให้ชำระหนี้
เรียน กรรมการผู้จัดการบริษัท AAAAA จำกัด
อ้างถึง 1)ใบส่งสินค้าเลขที่ 4706092 ลงวันที่ 09/06/2547 จำนวนเงิน 2,835.50 บาท
2)ใบส่งสินค้าเลขที่ 4708023 ลงวันที่ 04/08/2547 จำนวนเงิน 925,892.40 บาท
3)ใบส่งสินค้าเลขที่ 4708250 ลงวันที่ 17/08/2547 จำนวนเงิน 3,120,419.60 บาท
4)ใบส่งสินค้าเลขที่ 4709165 ลงวันที่ 10/09/2547 จำนวนเงิน 5,745.90 บาท
5)ใบส่งสินค้าเลขที่ 4710013 ลงวันที่ 01/10/2547 จำนวนเงิน 16,799.00 บาท
6)ใบส่งสินค้าเลขที่ 4710079 ลงวันที่ 06/10/2547 จำนวนเงิน 419,975.00 บาท
7)ใบส่งสินค้าเลขที่ 4710080 ลงวันที่ 06/10/2547 จำนวนเงิน 629,962.50 บาท
8)ใบส่งสินค้าเลขที่ 4710081 ลงวันที่ 06/10/2547 จำนวนเงิน 419,975.00 บาท
9)ใบส่งสินค้าเลขที่ 4710082 ลงวันที่ 06/10/2547 จำนวนเงิน 419,975.00 บาท
10)ใบส่งสินค้าเลขที่ 4710083 ลงวันที่ 06/10/2547 จำนวนเงิน 629,962.50 บาท
11)ใบส่งสินค้าเลขที่ 4710084 ลงวันที่ 06/10/2547 จำนวนเงิน 335,980.00 บาท
12)ใบส่งสินค้าเลขที่ 4710085 ลงวันที่ 06/10/2547 จำนวนเงิน 419,975.00 บาท
13)ใบส่งสินค้าเลขที่ 4710097 ลงวันที่ 06/10/2547 จำนวนเงิน 209,987.50 บาท
14)ใบส่งสินค้าเลขที่ 4710098 ลงวันที่ 06/10/2547 จำนวนเงิน 209,987.50 บาท
15)ใบส่งสินค้าเลขที่ 4710099 ลงวันที่ 06/10/2547 จำนวนเงิน 83,995.00 บาท
16)ใบส่งสินค้าเลขที่ 4710100 ลงวันที่ 06/10/2547 จำนวนเงิน 419,975.00 บาท
17)ใบส่งสินค้าเลขที่ 4710254 ลงวันที่ 15/10/2547 จำนวนเงิน 19,003.20 บาท
18)ใบส่งสินค้าเลขที่ 4710255 ลงวันที่ 15/10/2547 จำนวนเงิน 19,003.20 บาท
19)ใบส่งสินค้าเลขที่ 4710366 ลงวันที่ 22/10/2547 จำนวนเงิน 7,930.84 บาท
20)ใบส่งสินค้าเลขที่ 4711164 ลงวันที่ 09/11/2547 จำนวนเงิน 15,236.80 บาท
21)ใบส่งสินค้าเลขที่ 4711333 ลงวันที่ 17/11/2547 จำนวนเงิน 12,540.40 บาท
22)ใบส่งสินค้าเลขที่ 4712103 ลงวันที่ 07/12/2547 จำนวนเงิน 11,491.80 บาท
23)ใบส่งสินค้าเลขที่ 4712104 ลงวันที่ 07/12/2547 จำนวนเงิน 11,491.80 บาท
ตามที่บริษัท AAAAA จำกัด ได้สั่งซื้อสินค้าจากบริษัท BBBBB จำกัด รวม 23 ครั้ง เป็นเงินหลังหักส่วนแล้ว 8,037,779.44 บาท และบริษัท AAAAA จำกัด ได้รับมอบสินค้าไปเรียบร้อยแล้วตามใบส่งสินค้าที่อ้างถึง 23 รายการ ตามที่อ้างถึงข้างต้น
บัดนี้ได้ล่วงเลยกำหนดเวลาที่บริษัท AAAAA จำกัดจะต้องชำระเงินค่าสินค้าตามใบส่งสินค้าดังกล่าวข้างต้นแล้ว แต่บริษัทเจพี เมก้า จำกัด ก็ยังเพิกเฉยไม่ชำระเงินค่าสินค้าให้แก่บริษัท BBBBB จำกัด แต่อย่างใด
โดยหนังสือนี้ ข้าพเจ้าในฐานะทนายความผู้รับมอบอำนาจจากบริษัท BBBBB จำกัด จึงขอแจ้งให้ท่านชำระหนี้ค่าสินค้าดังกล่าวเป็นเงินจำนวน 8,037,779.44 บาทพร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีจากต้นเงินดังกล่าวจนกว่าจะชำระเสร็จให้แก่บริษัท BBBBB จำกัด ภายในวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2548 หากท่านเพิกเฉย ข้าพเจ้ามีความจำเป็นจะต้องดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
ในการชำระหนี้ดังกล่าวนั้น ท่านสามารถติดต่อกับบริษัทฯ หรือข้าพเจ้าได้ตามที่อยู่ข้างต้น
ขอแสดงความนับถือ
(นาย CCCCC)
ทนายความผู้รับมอบอำนาจ
----------------------------------------------------------
คำฟ้อง
ข้อ 1 โจทก์เป็นบริษัทจำกัด โดยได้จดทะเบียนกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เลขทะเบียนที่ ????/???? และมีวัตถุประสงค์ในการจำหน่าย กล้องถ่ายรูป กล้องถ่ายวีดีโอ ฟิล์มทุกชนิด และโจทก์มีนาย กขคง เป็นกรรมการผู้มีอำนาจลงลายมือชื่อและประทับตราสำคัญของบริษัท ทั้งนี้รายละเอียดปรากฏตามสำเนาหนังสือรับรองท้ายคำฟ้อง สำเนาเอกสารท้ายคำฟ้องหมายเลข 1
ในการยื่นคำฟ้องและดำเนินคดีนี้ โจทก์ได้มอบอำนาจให้นาย จฉชซ เป็นผู้ดำเนินการแทน และให้มีอำนาจฟ้องคดีและดำเนินคดีจนถึงที่สุดแทนโจทก์ได้ รายละเอียดปรากฏตามสำเนาหนังสือมอบอำนาจท้ายคำฟ้อง สำเนาเอกสารท้ายคำฟ้องหมายเลข 2
ข้อ 2. จำเลยเป็นบริษัทจำกัด โดยได้จดทะเบียนกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เลขทะเบียนที่ ????/???? โดยเดิมชื่อบริษัท 1111 จำกัด และได้จดทะเบียนเปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท 2222 จำกัดเมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2547 โดยมีวัตถุประสงค์ในการประกอบกิจการค้าอุปกรณ์การถ่ายภาพ และรวมทั้งอุปกรณ์และอะไหล่ของสินค้าดังกล่าว โดยมีที่ตั้งสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่เลขที่ 000 อาคาร 0000ชั้น 10 ถนน 0000 แขวง0000 เขต0000 กรุงเทพมหานคร ทั้งนี้รายละเอียดปรากฏตามสำเนาหนังสือรับรองบริษัทท้ายคำฟ้อง สำเนาเอกสารท้ายคำฟ้องหมายเลข 3
ข้อที่ 3. จำเลยเป็นลูกค้าของโจทก์ โดยจำเลยได้สั่งซื้อสินค้าประเภทกล้องถ่ายรูปดิจิตอล อุปกรณ์ ฟิล์ม ฯลฯ จากโจทก์เพื่อนำไปใช้จำหน่ายในการประกอบกิจการค้าของจำเลย
การสั่งสินค้าซื้อสินค้านั้นโจทก์ได้ให้เครดิตแก่จำเลย กล่าวคือจำเลยยังไม่ต้องจ่ายเงินค่าสินค้าในเวลาที่ส่งมอบ แต่จำเลยต้องจ่ายเงินค่าสินค้าภายหลังจากวันที่จำเลยรับมอบสินค้าไปในแต่ละคราว รายละเอียดเป็นไปตามที่ระบุไว้ในใบส่งของแต่ละฉบับ
การเปิดบัญชีเครดิตกับโจทก์นั้นนาย000000 ซึ่งเป็นกรรมการของจำเลยได้ส่งมอบสำเนาหนังสือรับรองบริษัทพร้อมสำเนาหนังสือเดินทาง(Passport) ที่ได้ลงลายมือชื่อรับรองสำเนาถูกต้องเพื่อให้โจทก์เก็บไว้เป็นหลักฐานด้วย รายละเอียดปรากฏตามสำเนาหนังสือรับรองและสำเนาหนังสือเดินทางท้ายฟ้อง สำเนาเอกสารท้ายคำฟ้องหมายเลข 4
เมื่อประมาณเดือนมิถุนายน 2547 ถึงเดือนธันวาคม 2547 จำเลยได้ติดต่อเพื่อสั่งซื้อและได้รับมอบสินค้าประเภทกล้องดิจิตอล และฟิล์มไปจากโจทก์ เพื่อนำไปจำหน่ายในกิจการค้าของจำเลยดังมีรายละเอียดต่อไปนี้
3.1 เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2547 จำเลยได้ซื้ออุปกรณ์เสริม 0000จำนวน 1 หน่วย ราคาหน่วยละ 700.00 บาท คิดเป็นเงิน 700.00 บาท (เจ็ดร้อยบาทถ้วน)และอุปกรณ์เสริม 00000 จำนวน 1 หน่วย ราคาหน่วยละ 100.00 บาท คิดเป็นเงิน 100.00 บาท ( หนึ่งร้อยบาทถ้วน ) และ อุปกรณ์เสริม 000 จำนวน 1 หน่วย ราคาหน่วยละ 1850.00บาท คิดเป็นเงิน 1850.00บาท ( หนึ่งพันแปดร้อยห้าสิบบาทถ้วน ) เมื่อรวมภาษีมูลค่าเพิ่ม 7 เปอร์เซ็นต์ คิดเป็นเงินค่าสินค้าทั้งสิ้นจำนวน 2835.50บาท (สองพันแปดร้อยสามสิบห้าบาทห้าสิบสตางค์) โดยจำเลยต้องชำระเงินภายในวันที่ 16 มิถุนายน 2547 ปรากฏตามสำเนาใบส่งสินค้า เลขที่ 4706092 สำเนาเอกสารท้ายคำฟ้องหมายเลข 5
3.2 เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2547 จำเลยได้ซื้อกล้องดิจิตอลรุ่น 0000 จำนวน 50 เครื่อง ราคาเครื่องละ 19,000.00 บาท คิดเป็นเงิน 545,000 บาท (ห้าแสนสี่หมื่นห้าพันบาทถ้วน) และกล้องดิจิตอลรุ่น 000 จำนวน 10 เครื่อง ราคาเครื่องละ 32,032 บาทคิดเป็นเงิน 320,320.00 บาท (สามแสนสองหมื่นสามร้อยยี่สิบบาทถ้วน) และรวมภาษีมูลค่าเพิ่ม 7 เปอร์เซ็นต์ คิดเป็นเงินค่าสินค้าทั้งสิ้นจำนวน 925,892.40 บาท (เก้าแสนสองหมื่นห้าพันแปดร้อยเก้าสิบสองบาทสี่สิบสตางค์ถ้วน) โดยจำเลยต้องชำระเงินภายในวันที่ 3 ตุลาคม 2547 ปรากฏตามสำเนาใบส่งสินค้า สำเนาเอกสารท้ายคำฟ้องหมายเลข 6
3.3 เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2547 จำเลยได้ซื้อกล้องดิจิตอล 0000 จำนวน 150 เครื่อง ราคาเครื่องละ 19,000 บาท คิดเป็นเงิน 1,635,000.00 บาท (หนึ่งล้านหกแสนสามหมื่นห้าพันบาทถ้วน) และกล้องดิจิตอล 000 จำนวน 40 เครื่อง ราคาเครื่องละ32,032.00 บาท คิดเป็นเงิน 1,281,280.00 บาท (หนึ่งล้านสองแสนแปดหมื่นหนึ่งพันสองร้อยแปดสิบบาทถ้วน) และรวมภาษีมูลค่าเพิ่ม 7 เปอร์เซ็นต์ คิดเป็นเงินค่าสินค้าทั้งสิ้นจำนวน 3,120,419.60 บาท (สามล้านหนึ่งแสนสองหมื่นสี่ร้อยสิบเก้าบาทหกสิบสตางค์ถ้วน) โดยจำเลยต้องชำระเงินภายในวันที่ 16 ตุลาคม 2547 ปรากฏตามสำเนาใบส่งสินค้า สำเนาเอกสารท้ายคำฟ้องหมายเลข 7
3.4 เมื่อวันที่ 10 กันยายน 2547 จำเลยได้ซื้ออุปกรณ์เสริมรุ่น 000 จำนวน 3 หน่วย ราคาหน่วยละ 1,790.00 บาท คิดเป็นเงิน 5,370.00 บาท (ห้าพันสามร้อยเจ็ดสิบบาทถ้วน) และรวมภาษีมูลค่าเพิ่ม 7 เปอร์เซ็นต์ คิดเป็นเงินค่าสินค้าทั้งสิ้นจำนวน 5,745.90 บาท (ห้าพันเจ็ดร้อยสี่สิบห้าบาทเก้าสิบสตางค์) โดยจำเลยต้องชำระเงินภายในวันที่ 9 พฤศจิกายน 2547 ปรากฏตามสำเนาใบส่งสินค้า สำเนาเอกสารท้ายคำฟ้องหมายเลข 8
3.5 เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2547 จำเลยได้ซื้ออุปกรณ์เสริมรุ่น 0000 จำนวน 1 หน่วย ราคาหน่วยละ 15,700.00 บาท คิดเป็นเงิน 15,700.00 บาท (หนึ่งหมื่นห้าพันเจ็ดร้อยบาทถ้วน) และรวมภาษีมูลค่าเพิ่ม 7 เปอร์เซ็นต์ คิดเป็นเงินค่าสินค้าทั้งสิ้นจำนวน 16,799.00 บาท (หนึ่งหมื่นหกพันเจ็ดร้อยเก้าสิบเก้าบาทถ้วน) โดยจำเลยต้องชำระเงินภายในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2547 ปรากฏตามสำเนาใบส่งสินค้า สำเนาเอกสารท้ายคำฟ้องหมายเลข 9
3.6 เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2547 จำเลยได้กล้องดิจิตอล 0000 จำนวน 10 เครื่อง ราคาเครื่องละ 16,600.00 บาท คิดเป็นเงินทั้งสิ้น 166,000.00 บาท (หนึ่งแสนหกหมื่นหกพันบาทถ้วน) และกล้องดิจิตอล 0000 จำนวน 10 เครื่อง ราคาเครื่องละ 14,900.00 บาท คิดเป็นเงิน 149,000.00 บาท ( หนึ่งแสนสี่หมื่นเก้าพันบาทถ้วน ) และ กล้องดิจิตอล 000 จำนวน 10 เครื่อง ราคาเครื่องละ 7,750.00 บาท คิดเป็นเงิน 77,500.00 บาท ( เจ็ดหมื่นเจ็ดพันบาทถ้วน ) และรวมภาษีมูลค่าเพิ่ม 7 เปอร์เซ็นต์ คิดเป็นเงินค่าสินค้าทั้งสิ้นจำนวน 419,975.00 บาท (สี่แสนหนึ่งหมื่นเก้าพันเก้าร้อยเจ็ดสิบห้าบาทถ้วน) โดยจำเลยต้องชำระเงินภายในวันที่ 5 ธันวาคม 2547 ปรากฏตามสำเนาใบส่งสินค้า สำเนาเอกสารท้ายคำฟ้องหมายเลข 10
3.7 เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2547 จำเลยได้กล้องดิจิตอล 0000 จำนวน 15 เครื่อง ราคาเครื่องละ 16,600.00 บาท คิดเป็นเงินทั้งสิ้น 249,000.00 บาท (สองแสนสี่หมื่นเก้าพันบาทถ้วน) และกล้องดิจิตอล 0000 จำนวน 15 เครื่อง ราคาเครื่องละ 14,900.00 บาท คิดเป็นเงิน 223,500.00 บาท ( สองแสนสองหมื่นสามพันห้าร้อยบาทถ้วน ) และ กล้องดิจิตอล 0000 จำนวน 15 เครื่อง ราคาเครื่องละ 7,750.00 บาท คิดเป็นเงิน 116,250.00 บาท ( หนึ่งแสนหนึ่งหมื่นหกพันสองร้อยห้าสิบบาทถ้วน ) และรวมภาษีมูลค่าเพิ่ม 7 เปอร์เซ็นต์ คิดเป็นเงินค่าสินค้าทั้งสิ้นจำนวน 629,962.50 บาท (หกแสนสองหมื่นเก้าพันเก้าร้อยหกสิบสองบาทห้าสิบสตางค์) โดยจำเลยต้องชำระเงินภายในวันที่ 5 ปรากฏตามสำเนาใบส่งสินค้า สำเนาเอกสารท้ายคำฟ้องหมายเลข 11
3.8 เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2547 จำเลยได้ซื้อกล้องดิจิตอลรุ่น 000 จำนวน 10 เครื่อง ราคาเครื่องละ 16,600.00 บาท คิดเป็นเงิน 166,000.00 บาท (หนึ่งแสนหกหมื่นหกพันบาทถ้วน) และกล้องดิจิตอลรุ่น 0000 จำนวน 10 เครื่อง ราคาเครื่องละ 14,900 บาทคิดเป็นเงิน 149,000.00 บาท (หนึ่งแสนสี่หมื่นเก้าพันบาทถ้วน) และรวมภาษีมูลค่าเพิ่ม 7 เปอร์เซ็นต์ คิดเป็นเงินค่าสินค้าทั้งสิ้นจำนวน 419,975.00 บาท (สี่แสนหนึ่งหมื่นเก้าพันเก้าร้อยเจ็ดสิบห้าบาทถ้วน) โดยจำเลยต้องชำระเงินภายในวันที่ 5 ธันวาคม 2547 ปรากฏตามสำเนาใบส่งสินค้า สำเนาเอกสารท้ายคำฟ้องหมายเลข 12
3.9 เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2547 จำเลยได้ซื้อกล้องดิจิตอลรุ่น 0000 จำนวน 10 เครื่อง ราคาเครื่องละ 16,600.00 บาท คิดเป็นเงิน 166,000.00 บาท (หนึ่งแสนหกหมื่นหกพันบาทถ้วน) และกล้องดิจิตอลรุ่น 0000 จำนวน 10 เครื่อง ราคาเครื่องละ 14,900 บาทคิดเป็นเงิน 149,000.00 บาท (หนึ่งแสนสี่หมื่นเก้าพันบาทถ้วน) และรวมภาษีมูลค่าเพิ่ม 7 เปอร์เซ็นต์ คิดเป็นเงินค่าสินค้าทั้งสิ้นจำนวน 419,975.00 บาท (สี่แสนหนึ่งหมื่นเก้าพันเก้าร้อยเจ็ดสิบห้าบาทถ้วน) โดยจำเลยต้องชำระเงินภายในวันที่ 5 ธันวาคม 2547 ปรากฏตามสำเนาใบส่งสินค้า สำเนาเอกสารท้ายคำฟ้องหมายเลข 13
3.10 เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2547 จำเลยได้ซื้อกล้องดิจิตอลรุ่น 000 จำนวน 15 เครื่อง ราคาเครื่องละ 16,600 บาทคิดเป็นเงิน 249,000.00 บาท (สองแสนสี่หมื่นเก้าพันบาทถ้วน) และกล้องดิจิตอล 000 จำนวน 15 เครื่อง ราคาเครื่องละ 14,900.00 บาท คิดเป็นจำนวนเงิน 223,500.00 บาท ( สองแสนสองหมื่นสามพันห้าร้อยบาทถ้วน ) และกล้องดิจิตอล 000 จำนวน 15 เครื่อง ราคาเครื่องละ 7,750.00 บาท คิดเป็นจำนวนเงิน 116,250.00 บาท ( หนึ่งแสนหนึ่งหมื่นหกพันสองร้อยห้าสิบบาทถ้วน) รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม 7 เปอร์เซ็นต์ คิดเป็นเงินค่าสินค้าทั้งสิ้นจำนวน 629,962.50 บาท (หกแสนสองหมื่นเก้าพันเก้าร้อยหกสิบสองบาทห้าสิบสตางค์) โดยจำเลยต้องชำระเงินภายในวันที่ 5 ธันวาคม 2547 ปรากฏตามสำเนาใบส่งสินค้า สำเนาเอกสารท้ายคำฟ้องหมายเลข 14
3.11 เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2547 จำเลยได้ซื้อกล้องดิจิตอล รุ่น 000 จำนวน 8 เครื่อง ราคาเครื่องละ 16,600.00 บาท คิดเป็นเงิน 132,800.00 บาท ( หนึ่งแสนสามหมื่นสองพันแปดร้อยบาทถ้วน ) และกล้องดิจิตอลรุ่น 000 จำนวน 8 เครื่อง ราคาเครื่องละ 14,900.00 บาท คิดเป็นเงิน 119,200.00 บาท(หนึ่งแสนหนึ่งหมื่นเก้าพันบาทถ้วน) และกล้องดิจิตอลรุ่น 000 จำนวน 8 เครื่อง ราคาเครื่องละ 7,750.00 บาท คิดเป็นเงิน 62,000.00 บาท ( หกหมื่นสองพันบาทถ้วน ) และรวมภาษีมูลค่าเพิ่ม 7 เปอร์เซ็นต์ คิดเป็นเงินค่าสินค้าทั้งสิ้นจำนวน 335,980.00บาท ( สามแสนสามหมื่นห้าพันเก้าร้อยแปดสิบบาทถ้วน ) โดยจำเลยต้องชำระเงินภายในวันที่ 5 ธันวาคม 2547 ปรากฏตามสำเนาใบส่งสินค้า สำเนาเอกสารท้ายคำฟ้องหมายเลข 15
3.12 เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2547 จำเลยได้ซื้อกล้องดิจิตอล รุ่น 00 จำนวน 10 เครื่อง ราคาเครื่องละ 16,600.00 บาท คิดเป็นเงิน 166,000.00 บาท ( หนึ่งแสนหกหมื่นหกพันหกร้อยบาทถ้วน ) และกล้องดิจิตอลรุ่น 00 จำนวน 10 เครื่อง ราคาเครื่องละ 14,900.00 บาท คิดเป็นเงิน 149,00.00 บาท (หนึ่งแสนสี่หมื่นเก้าพันบาทถ้วน) และกล้องดิจิตอลรุ่น 00 จำนวน 10 เครื่อง ราคาเครื่องละ 7,750.00 บาท คิดเป็นเงิน 77,500.00 บาท ( เจ็ดหมื่นเจ็ดพันห้าร้อยบาทถ้วน ) และรวมภาษีมูลค่าเพิ่ม 7 เปอร์เซ็นต์ คิดเป็นเงินค่าสินค้าทั้งสิ้นจำนวน 419,975.00 บาท (สี่แสนหนึ่งหมื่นเก้าพันเก้าร้อยเจ็ดสิบห้าบาทถ้วน ) โดยจำเลยต้องชำระเงินภายในวันที่ 5 ธันวาคม 2547 ปรากฏตามสำเนาใบส่งสินค้า สำเนาเอกสารท้ายคำฟ้องหมายเลข 16
3.13 เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2547 จำเลยได้ซื้อกล้องดิจิตอล รุ่น 00 จำนวน 5 เครื่อง ราคาเครื่องละ 16,600.00 บาท คิดเป็นเงิน 83,000.00 บาท ( แปดหมื่นสามพันบาทถ้วน ) และกล้องดิจิตอลรุ่น 00 จำนวน 5 เครื่อง ราคาเครื่องละ 14,900.00 บาท คิดเป็นเงิน 74,500.00 บาท และกล้องดิจิตอลรุ่น 00 จำนวน 5 เครื่อง ราคาเครื่องละ 7,750.00 บาท คิดเป็นเงิน 38,750.00 บาท ( สามหมื่นแปดพันเจ็ดร้อยห้าสิบบาทถ้วน ) และรวมภาษีมูลค่าเพิ่ม 7 เปอร์เซ็นต์ คิดเป็นเงินค่าสินค้าทั้งสิ้นจำนวน 209,987.50 บาท ( สองแสนเก้าพันเก้าร้อยแปดสิบเจ็ดบาทห้าสิบสตางค์ ) โดยจำเลยต้องชำระเงินภายในวันที่ 5 ธันวาคม 2547 ปรากฏตามสำเนาใบส่งสินค้า สำเนาเอกสารท้ายคำฟ้องหมายเลข 17
3.14 เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2547 จำเลยได้ซื้อกล้องดิจิตอล รุ่น 00 จำนวน 5 เครื่อง ราคาเครื่องละ 16,600.00 บาท คิดเป็นเงิน 83,000.00 บาท ( แปดหมื่นสามพันบาทถ้วน ) และกล้องดิจิตอลรุ่น 00 จำนวน 5 เครื่อง ราคาเครื่องละ 14,900.00 บาท คิดเป็นเงิน 74,500.00 บาท และกล้องดิจิตอลรุ่น 00 จำนวน 5 เครื่อง ราคาเครื่องละ 7,750.00 บาท คิดเป็นเงิน 38,750.00 บาท ( สามหมื่นแปดพันเจ็ดร้อยห้าสิบบาทถ้วน ) และรวมภาษีมูลค่าเพิ่ม 7 เปอร์เซ็นต์ คิดเป็นเงินค่าสินค้าทั้งสิ้นจำนวน 209,987.50 บาท ( สองแสนเก้าพันเก้าร้อยแปดสิบเจ็ดบาทห้าสิบสตางค์ ) โดยจำเลยต้องชำระเงินภายในวันที่ 5 ธันวาคม 2547 ปรากฏตามสำเนาใบส่งสินค้า สำเนาเอกสารท้ายคำฟ้องหมายเลข 18
3.15 เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2547 จำเลยได้ซื้อกล้องดิจิตอล รุ่น 00 จำนวน 2 เครื่อง ราคาเครื่องละ 16,600.00 บาท คิดเป็นเงิน 33,200.00 บาท สามหมื่นสามพันสองร้อยบาทถ้วน ) และกล้องดิจิตอลรุ่น 00 จำนวน 2 เครื่อง ราคาเครื่องละ 14,900.00 บาท คิดเป็นเงิน 29,800.00 บาท( สองหมื่นเก้าพันแปดร้อยบาทถ้วน ) และกล้องดิจิตอลรุ่น 00 จำนวน 2 เครื่อง ราคาเครื่องละ 7,750.00 บาท คิดเป็นเงิน 15,500.00 บาท ( หนึ่งหมื่นห้าพันห้าร้อยบาทถ้วน ) และรวมภาษีมูลค่าเพิ่ม 7 เปอร์เซ็นต์ คิดเป็นเงินค่าสินค้าทั้งสิ้นจำนวน 83,995.00 บาท ( แปดหมื่นสามพันเก้าร้อยเก้าสิบห้าบาทถ้วน ) โดยจำเลยต้องชำระเงินภายในวันที่ 5 ธันวาคม 2547 ปรากฏตามสำเนาใบส่งสินค้า สำเนาเอกสารท้ายคำฟ้องหมายเลข 19
3.16 เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2547 จำเลยได้ซื้อกล้องดิจิตอล รุ่น 00 จำนวน 10 เครื่อง ราคาเครื่องละ 16,600.00 บาท (หนึ่งหมื่นหกพันหกร้อยบาทถ้วน) คิดเป็นเงิน 166,000.00 บาท ( หนึ่งแสนหกหมื่นหกพันบาทถ้วน ) และกล้องดิจิตอลรุ่น 00 จำนวน 10 เครื่อง ราคาเครื่องละ 14,900.00 บาท(หนึ่งหมื่นสี่พันเก้าร้อยบาทถ้วน)คิดเป็นเงิน 149,000.00 บาท(หนึ่งแสนสี่หมื่นเก้าพันบาทถ้วน) และกล้องดิจิตอลรุ่น 00 จำนวน 10 เครื่อง ราคาเครื่องละ 7,750.00 บาท(เจ็ดพันเจ็ดร้อยห้าสิบบาทถ้วน) คิดเป็นเงิน 77,500.00 บาท ( เจ็ดหมื่นเจ็ดพันห้าร้อยบาทถ้วน ) และรวมภาษีมูลค่าเพิ่ม 7 เปอร์เซ็นต์ คิดเป็นเงินค่าสินค้าทั้งสิ้นจำนวน 419,975.00 บาท ( สี่แสนหนึ่งหมื่นเก้าพันเก้าร้อยเจ็ดสิบห้าบาทถ้วน ) โดยจำเลยต้องชำระเงินภายในวันที่ 5 ธันวาคม 2547 ปรากฏตามสำเนาใบส่งสินค้าเลขที่ สำเนาเอกสารท้ายคำฟ้องหมายเลข 20
3.17 เมี่อวันที่ 15 ตุลาคม 2547 จำเลยได้ซื้ออุปกรณ์เสริม 000จำนวน 3 หน่วย ราคาหน่วยละ 1,790.00 บาท (หนึ่งพันเจ็ดร้อยเก้าสิบบาท ถ้วน) คิดเป็นจำนวนเงิน 5,370.00 บาท (ห้าพันสามร้อยเจ็ดสิบบาทถ้วน) และอุปกรณ์เสริม 00 จำนวน 3 หน่วย ราคาหน่วยละ 880.00 บาท (แปดร้อยแปดสิบบาทถ้วน) คิดเป็นจำนวนเงิน 2,640.00 บาท (สองพันหกร้อยสี่สิบบาทถ้วน) และรวมภาษีมูลค่าเพิ่ม 7 เปอร์เซ็นต์ คิดเป็นจำนวนเงิน 19,003.20 บาท (หนึ่งหมื่นเก้าพันสามบาทยี่สิบสตางค์) โดยจำเลยต้องชำระเงินภายในวันที่ 14 ธันวาคม 2547 ปี่กฎตามสำเนาใบส่งสินค้าเลขที่ 4710254 สำเนาเอกสารท้ายคำฟ้องหมายเลข 5
3.18 เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2547 จำเลยได้ซื้ออุปกรณ์เสริม 00 จำนวน 3 หน่วย ราคาหน่วยละ 1,790.00 บาท (หนึ่งพันเจ็ดร้อยเก้าสิบบาท ถ้วน) คิดเป็นจำนวนเงิน 5,370.00 บาท (ห้าพันสามร้อยเจ็ดสิบบาทถ้วน) และอุปกรณ์เสริม 000 จำนวน 3 หน่วย ราคาหน่วยละ 880.00 บาท (แปดร้อยแปดสิบบาทถ้วน) คิดเป็นจำนวนเงิน 2,640.00 บาท (สองพันหกร้อยสี่สิบบาทถ้วน) และรวมภาษีมูลค่าเพิ่ม 7 เปอร์เซ็นต์ คิดเป็นจำนวนเงิน 19,003.20 บาท (หนึ่งหมื่นเก้าพันสามบาทยี่สิบสตางค์) โดยจำเลยต้องชำระเงินภายในวันที่ 14 ธันวาคม 2547 ปรากฎตามสำเนาใบส่งสินค้าเลขที่ สำเนาเอกสารท้ายคำฟ้องหมายเลข 5
3.19 เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2547 จำเลยได้ซื้ออุปกรณ์เสริม 00จำนวน 1 หน่วย ราคาหน่วยละ 3,365.00 บาท (สามพันสามร้อยหกสิบห้าบาทถ้วน) คิดเป็นเงิน 3,365.00 บาท (สามพันสามร้อยหกสิบห้าบาทถ้วน) และอุปกรณ์เสริม 00 จำนวน 1 หน่วย ราคาหน่วยละ 3,150.00 บาท(สามพันหนึ่งร้อยห้าสิบบาทถ้วน) คิดเป็นจำนวนเงิน 3,150.00 บาท(สามพันหนึ่งร้อยห้าสิบบาทถ้วน) และอุปกรณ์เสริม 000 จำนวน 1 หน่วย ราคาหน่วยละ 897.00 บาท (แปดร้อยเก้าสิบเจ็ดบาทถ้วน) คิดเป็นจำนวนเงิน 897.00 บาท( แปดร้อยเก้าสิบเจ็ดบาทถ้วน) และรวมภาษีมูลค่าเพิ่ม 7 เปอร์เซ็นต์ คิดเป็นจำนวนเงิน7,930.84 บาท (เจ็ดพันเก้าร้อยสามสิบบาทแปดสิบสี่สตางค์) โดยจำเลยต้องชำระเงินภายในวันที่ 21 ธันวาคม 2547 ปรากฏตามสำเนาใบส่งสินค้าเลขที่ 4710366 สำเนาเอกสารท้ายคำฟ้องหมายเลข 5
3.20 เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2547 จำเลยได้ซื้ออุปกรณ์000 จำนวน 1 หน่วย ราคาหน่วยละ 580.00 บาท (ห้าร้อยแปดสิบบาทถ้วน) คิดเป็นจำนวนเงิน 580.00 (ห้าร้อยแปดสิบบาทถ้วน) และอุปกรณ์เสริม 00* จำนวน 2 หน่วย ราคาหน่วยละ 3,250.00 บาท (สามพันสองร้อยห้าสิบบาทถ้วน) คิดเป็นจำนวนเงิน 6,500.00 บาท (หกพันห้าร้อยบาทถ้วน) และอุปกรณ์เสริม 00 จำนวน 4 หน่วย ราคาหน่วยละ 1,790.00 บาท (หนึ่งพันเจ็ดร้อยเก้าสิบบาทถ้วน) คิดเป็นเงิน 7,160.00 บาท(เจ็ดพันหนึ่งร้อยหกสิบบาทถ้วน) และรวมภาษีมูลค่าเพิ่ม 7 เปอร์เซ็นต์ คิดเป็นจำนวนเงิน 15,236.80 บาท (หนึ่งหมื่นห้าพันสองร้อยสามสิบหกบาทแปดสิบสตางค์) โดยจำเลยต้องชำระเงินภายในวันที่ 8 มกราคม 2548 ปรากฏตามสำเนาใบส่งสินค้าเลขที่ 4711164 สำเนาเอกสารท้ายคำฟ้องหมายเลข 5
3.21 เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2547 จำเลยได้ซื้ออุปกรณ์เสริม 00 จำนวน 10 หน่วย ราคาหน่วยละ 1,172.00 บาท (หนึ่งพันหนึ่งร้อยเจ็ดสิบสองบาทถ้วน) คิดเป็นจำนวนเงิน 11,720.00 บาท(หนึ่งหมื่นหนึ่งพันเจ็ดร้อยยี่สิบบาทถ้วน) และรวมภาษีมูลค่าเพิ่ม 7 เปอร์เซ็นต์ คิดเป็นจำนวนเงิน 12,540.40 บาท (หนึ่งหมื่นสองพันห้าร้อยสี่สิบบาทสี่สิบสตางค์) โดยจำเลยต้องชำระเงินภายในวันที่ 16 มกราคม 2548 ปรากฏตามสำเนาใบส่งสินค้าเลขที่ 4711333 สำเนาเอกสารท้ายคำฟ้องหมายเลข 5
3.22 เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2547 จำเลยได้ซื้ออุปกรณ์เสริม 00 จำนวน 6 หน่วย ราคาหน่วยละ 1,790.00 บาท (หนึ่งพันเจ็ดร้อยเก้าสิบบาทถ้วน) คิดเป็นจำนวนเงิน 10,740.00 บาท (หนึ่งหมื่นเจ็ดร้อยสี่สิบบาทถ้วน) และรวมภาษีมูลค่าเพิ่ม 7 เปอร์เซ็นต์ คิดเป็นจำนวนเงิน 11,491.80 บาท (หนึ่งหมื่นหนึ่งพันสี่ร้อยเก้าสิบเอ็ดบาทแปดสิบสตางค์) โดยจำเลยต้องชำระเงินภายในวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2548 ปรากฏตามสำเนาใบส่งสินค้าเลขที่ 4712103 สำเนาเอกสารท้ายคำฟ้องหมายเลข 5
3.23 เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2547 จำเลยได้ซื้ออุปกรณ์เสริม 00 จำนวน 6 หน่วย ราคาหน่วยละ 1,790.00 บาท (หนึ่งพันเจ็ดร้อยเก้าสิบบาทถ้วน) คิดเป็นจำนวนเงิน 10,740.00 บาท (หนึ่งหมื่นเจ็ดร้อยสี่สิบบาทถ้วน) และรวมภาษีมูลค่าเพิ่ม 7 เปอร์เซ็นต์ คิดเป็นจำนวนเงิน 11,491.80 บาท(หนึ่งหมื่นหนึ่งพันสี่ร้อยเก้าสิบเอ็ดบาทแปดสิบสตางค์) โดยจำเลยต้องชำระเงินภายในวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2548 ปรากฏตามสำเนาใบส่งสินค้าเลขที่ 4712104 สำเนาเอกสารท้ายคำฟ้องหมายเลข 5
ข้อที่ 4 การซื้อสินค้าตามข้อ 3.2-3.3 นั้นจำเลยได้ชำระเงินค่าสินค้าเป็นเช็ค 1 ฉบับดังมีรายละเอียดต่อไปนี้
4.1 ค่าสินค้าตามรายละเอียดในข้อ 3.2 จำนวน 925,892.40 บาท (เก้าแสนสองหมื่นห้าพันแปดร้อยเก้าสิบสองบาทสี่สิบสตางค์ ) และค่าสินค้าตามรายละเอียดในข้อ 3.3 จำนวน 3,120,419.60 (สามล้านหนึ่งแสนสองหมื่นสี่ร้อยสิบเก้าบาทหกสิบสตางค์) โดยได้รับส่วนลดจำนวน 134,300 บาท (หนึ่งแสนสามหมื่นสามร้อยบาทถ้วน) ปรากฏตามสำเนาใบลดหนี้ และใบกำกับภาษี เลขที่ 47/08010 วันที่ 16 สิงหาคม 2547 สำเนาเอกสารท้ายคำฟ้องหมายเลข 2 และ หักภาษีเงินได้เนื่องจากส่วนลดส่งเสริมการขาย ณ. ที่จ่ายจำนวน 4,029.00 บาท (สี่พันยี่สิบเก้าบาทถ้วน) ปรากฏตามหนังสือรับรองการหักภาษีสำเนาสำเนาเอกสารท้ายคำฟ้องหมายเลข 2 รวมทั้งสินเป็นเงิน 3,916,041.00 บาท (สามล้านเก้าแสนหนึ่งหมื่นหกพันสี่สิบเอ็ดบาทถ้วน)นั้น จำเลยได้ลงนามสั่งจ่ายเช็คของธนาคารไทยพาณิชย์จำกัด(มหาชน) สาขาถนนศรีนครินทร์(กรุงเทพกรีฑา) เลขที่ 000 สั่งจ่าย บริษัท BBBB จำกัด โจทก์คดีนี้ เป็นจำนวนเงิน 3,916,041 บาท (สามล้านเก้าแสนหนึ่งหมื่นหกพันสี่สิบเอ็ดบาทถ้วน) ปรากฎตามสำเนาเช็ค สำเนาเอกสารแนบท้ายคำฟ้องหมายเลข 3 ภายหลังที่เช็คข้างต้นถึงกำหนดชำระแล้วโจทก์ได้นำฝากเข้าบัญชีธนาคารไทยพาณิชย์จำกัด(มหาชน) สาขาอโศก แต่ ธนาคารไทยพาณิชย์จำกัด(มหาชน) สาขาถนนศรีนครินทร์(กรุงเทพกรีฑา)ได้ปฏิเสธและคืนเช็คโดยอ้างเหตุว่ามีคำสั่งให้ระงับการจ่าย ปรากฎตามสำเนาใบคืนเช็ค สำเนาเอกสารแนบท้ายคำฟ้องหมายเลข ??
ภายหลังที่โจทก์ได้ทราบว่าธนาคารธนาคารไทยพาณิชย์จำกัด(มหาชน) สาขาถนนศรีนครินทร์(กรุงเทพกรีฑา) ซึ่งเป็นธนาคารเจ้าของบัญชีได้ปฏิเสธการจ่ายเงิน เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2547 โจทก์จึงได้แจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจนครบาลประเวศไว้เพื่อเป็นหลักฐาน ปรากฏตามสำเนารายงานประจำวันเกี่ยวกับคดี สำเนาเอกสารแนบท้ายคำฟ้องหมายเลข 4
สำหรับค่าสินค้าที่เหลือตามข้อ 3.1 และ 3.4-3.23 นั้นจำเลยไม่ได้ชำระให้แก่โจทก์แต่อย่างใด ดังนี้แล้วจำเลยจึงยังคงติดค้างชำระค่าสินค้าตามฟ้องข้อที่ 3 ทั้ง 23 งวดรวมเป็นเงินทั้งสิ้น 8,037,779.44 บาท (แปดล้านสามหมื่นเจ็ดพันเจ็ดร้อยเจ็ดสิบเก้าบาทสี่สิบสี่สตางค์) โจทก์ได้ทวงถามให้จำเลยชำระค่าสินค้าที่ติดค้างอยู่ทั้ง 23 งวดมาตลอด แต่จำเลยก็เพิกเฉยเรื่อยมา
โจทก์จึงได้มอบหมายให้ทนายความมีหนังสือทวงถาม ฉบับลงวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2548 ให้จำเลยชำระค่าสินค้าที่จำเลยซื้อและได้รับไปแล้ว โดยเรียกร้องให้ชำระเป็นจำนวนรวมทั้งสิ้น 8,037,779.44 บาท (แปดล้านสามหมื่นเจ็ดพันเจ็ดร้อยเจ็ดสิบเก้าบาทสี่สิบสี่สตางค์) พร้อมทั้งให้ชดใช้ค่าเสียหายคิดเป็นดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี จำเลยได้รับหนังสือทวงถามของโจทก์แล้ว แต่จำเลยก็เพิกเฉย ความปรากฏตามสำเนาหนังสือทวงถาม พร้อมใบตอบรับในประเทศ สำเนาเอกสารแนบท้ายคำฟ้องหมายเลข ??
ข้อที่ 5 การที่จำเลยซื้อสินค้าประเภทกล้องถ่ายรูปดิจิตอล และฟิล์มไปจากโจทก์ เพื่อนำไปจำหน่ายในกิจการค้าของจำเลยเพื่อประโยชน์แก่ตัวจำเลยเอง แต่จำเลยกลับผิดนัดไม่ชำระเงินค่าซื้อสินค้าให้แก่โจทก์ ถือว่าจำเลยผิดสัญญาซื้อขายทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย จำเลยจึงมีหน้าที่ต้องชำระค่าสินค้าที่ยังติดค้างอยู่ทั้งสิ้นเป็นจำนวน 8,037,779.44 บาท (แปดล้านสามหมื่นเจ็ดพันเจ็ดร้อยเจ็ดสิบเก้าบาทสี่สิบสี่สตางค์) ให้แก่โจทก์ พร้อมทั้งชดใช้ค่าเสียหายอันเกิดจากการผิดนัดไม่ชำระหนี้ของจำเลย ในจำนวนเท่ากับอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี จากต้นเงินจำนวน 8,037,779.44 บาท (แปดล้านสามหมื่นเจ็ดพันเจ็ดร้อยเจ็ดสิบเก้าบาทสี่สิบสี่สตางค์) นับแต่วันครบกำหนดที่จำเลยมีหน้าที่ต้องชำระเงินค่าซื้อสินค้าให้แก่โจทก์ในแต่ละงวดจนถึงวันฟ้อง ดังนี้.-
5.1 ดอกเบี้ยค่าซื้อสินค้าตามฟ้องข้อ 3.1 เป็นจำนวนเงิน 2,835.50 บาท (สองพันแปดร้อยสามสิบห้าบาทห้าสิบสตางค์) นับแต่วันที่ 16 มิถุนายน 2547 จนถึงวันฟ้องเป็นเวลา ?? เดือน ?? วัน คิดเป็นดอกเบี้ย ??? บาท
5.2 ดอกเบี้ยค่าซื้อสินค้าตามฟ้องข้อ 3.2 เป็นจำนวนเงิน 925,892.40 บาท (เก้าแสนสองหมื่นห้าพันแปดร้อยเก้าสิบสองบาทสี่สิบสตางค์) นับแต่วันที่ 3 ตุลาคม 2547 จนถึงวันฟ้องเป็นเวลา ?? เดือน ?? วัน คิดเป็นดอกเบี้ย ??? บาท
5.3 ดอกเบี้ยค่าซื้อสินค้าตามฟ้องข้อ 3.3 เป็นจำนวนเงิน 3,120,419.60 บาท (สามล้านหนึ่งแสนสองหมื่นสี่ร้อยสิบเก้าบาทหกสิบสตางค์) นับแต่วันที่ 16 ตุลาคม 2547 จนถึงวันฟ้องเป็นเวลา ?? เดือน ?? วัน คิดเป็นดอกเบี้ย ??? บาท
5.4 ดอกเบี้ยค่าซื้อสินค้าตามฟ้องข้อ 3.4 เป็นจำนวนเงิน 5,745.90 บาท (ห้าพันเจ็ดร้อยสี่สิบห้าบาทเก้าสิบสตางค์) นับแต่วันที่ 9 พฤศจิกายน 2547 จนถึงวันฟ้องเป็นเวลา ?? เดือน ?? วัน คิดเป็นดอกเบี้ย ??? บาท
5.5 ดอกเบี้ยค่าซื้อสินค้าตามฟ้องข้อ 3.5 เป็นจำนวนเงิน 16,799.00 บาท (หนึ่งหมื่นหกพันเจ็ดร้อยเก้าสิบเก้าบาทถ้วน) นับแต่วันที่ 30 พฤศจิกายน 2547 จนถึงวันฟ้องเป็นเวลา ?? เดือน ?? วัน คิดเป็นดอกเบี้ย ??? บาท
5.6 ดอกเบี้ยค่าซื้อสินค้าตามฟ้องข้อ 3.6 เป็นจำนวนเงิน 419,975.00 บาท (สี่แสนหนึ่งหมื่นเก้าพันเก้าร้อยเจ็ดสิบห้าบาทถ้วน) นับแต่วันที่ 5 ธันวาคม 2547 จนถึงวันฟ้องเป็นเวลา ?? เดือน ?? วัน คิดเป็นดอกเบี้ย ??? บาท
5.7 ดอกเบี้ยค่าซื้อสินค้าตามฟ้องข้อ 3.7 เป็นจำนวนเงิน 629,962.50 บาท (หกแสนสองหมื่นเก้าพันเก้าร้อยหกสิบสองบาทห้าสิบสตางค์) นับแต่วันที่ 5 ธันวาคม 2547 จนถึงวันฟ้องเป็นเวลา ?? เดือน ?? วัน คิดเป็นดอกเบี้ย ??? บาท
5.8 ดอกเบี้ยค่าซื้อสินค้าตามฟ้องข้อ 3.8 เป็นจำนวนเงิน 419,975.00 บาท (สี่แสนหนึ่งเก้าเก้าร้อยเจ็ดสิบห้าบาทถ้วน) นับแต่วันที่ 5 ธันวาคม 2547 จนถึงวันฟ้องเป็นเวลา ?? เดือน ?? วัน คิดเป็นดอกเบี้ย ??? บาท
5.9 ดอกเบี้ยค่าซื้อสินค้าตามฟ้องข้อ 3.9 เป็นจำนวนเงิน 419,975 บาท (สี่แสนหนึ่งหมื่นเก้าพันเก้าร้อยเจ็ดสิบห้าบาทถ้วน) นับแต่วันที่ 5 ธันวาคม 2547 จนถึงวันฟ้องเป็นเวลา ?? เดือน ?? วัน คิดเป็นดอกเบี้ย ??? บาท
5.10 ดอกเบี้ยค่าซื้อสินค้าตามฟ้องข้อ 3.10 เป็นจำนวน 629,962.50 บาท (หกแสนสองหมื่นเก้าพันเก้าร้อยหกสิบสองบาทห้าสิบสตางค์) นับแต่วันที่ 5 ธันวาคม 2547 จนถึงวันฟ้องเป็นเวลา ?? เดือน ?? วัน คิดเป็นดอกเบี้ย ??? บาท
5.11 ดอกเบี้ยค่าซื้อสินค้าตามฟ้องข้อ 3.11 เป็นจำนวน 335,980.00 บาท ( สามแสนสามหมื่นห้าพันเก้าร้อยแปดสิบบาทถ้วน ) นับแต่วันที่ 5 ธันวาคม 2547 จนถึงวันฟ้องเป็นเวลา ?? เดือน ?? วัน คิดเป็นดอกเบี้ย ??? บาท
5.12 ดอกเบี้ยค่าซื้อสินค้าตามฟ้องข้อ 3.12 เป็นจำนวน 419,975.00 บาท (สี่แสนหนึ่งหมื่นเก้าพันเก้าร้อยเจ็ดสิบห้าบาทถ้วน ) นับแต่วันที่ 5 ธันวาคม 2547 จนถึงวันฟ้องเป็นเวลา ?? เดือน ?? วัน คิดเป็นดอกเบี้ย ??? บาท
5.13 ดอกเบี้ยค่าซื้อสินค้าตามฟ้องข้อ 3.13 เป็นจำนวน 209,987.50 บาท ( สองแสนเก้าพันเก้าร้อยแปดสิบเจ็ดบาทห้าสิบสตางค์) นับแต่วันที่ 5 ธันวาคม 2547 จนถึงวันฟ้องเป็นเวลา ?? เดือน ?? วัน คิดเป็นดอกเบี้ย ??? บาท
5.14 ดอกเบี้ยค่าซื้อสินค้าตามฟ้องข้อ 3.14 เป็นจำนวน 209,987.50 บาท ( สองแสนเก้าพันเก้าร้อยแปดสิบเจ็ดบาทห้าสิบสตางค์) นับแต่วันที่ 5 ธันวาคม 2547 จนถึงวันฟ้องเป็นเวลา ?? เดือน ?? วัน คิดเป็นดอกเบี้ย ??? บาท
5.15 ดอกเบี้ยค่าซื้อสินค้าตามฟ้องข้อ 3.15 เป็นจำนวน 83,995.00 บาท (แปดหมื่นสามพันเก้าร้อยเก้าสิบห้าบาทถ้วน ) นับแต่วันที่ 5 ธันวาคม 2547 จนถึงวันฟ้องเป็นเวลา ?? เดือน ?? วัน คิดเป็นดอกเบี้ย ??? บาท
5.16 ดอกเบี้ยค่าซื้อสินค้าตามฟ้องข้อ 3.16 เป็นจำนวน 419,975.00 บาท ( สี่แสนหนึ่งหมื่นเก้าพันเก้าร้อยเจ็ดสิบห้าบาทถ้วน ) นับแต่วันที่ 5 ธันวาคม 2547 จนถึงวันฟ้องเป็นเวลา ?? เดือน ?? วัน คิดเป็นดอกเบี้ย ??? บาท
5.17 ดอกเบี้ยค่าซื้อสินค้าตามฟ้องข้อ 3.17 เป็นจำนวน 19,003.20 บาท (หนึ่งหมื่นเก้าพันสามบาทยี่สิบสตางค์) นับแต่วันที่ 14 ธันวาคม 2547 จนถึงวันฟ้องเป็นเวลา ?? เดือน ?? วัน คิดเป็นดอกเบี้ย ??? บาท
5.18 ดอกเบี้ยค่าซื้อสินค้าตามฟ้องข้อ 3.18 เป็นจำนวน 19,003.20 บาท (หนึ่งหมื่นเก้าพันสามบาทยี่สิบสตางค์) นับแต่วันที่ 14 ธันวาคม 2547 จนถึงวันฟ้องเป็นเวลา ?? เดือน ?? วัน คิดเป็นดอกเบี้ย ??? บาท
5.19 ดอกเบี้ยค่าซื้อสินค้าตามฟ้องข้อ 3.19 เป็นจำนวน 7,930.84 บาท (เจ็ดพันเก้าร้อยสามสิบบาทแปดสิบสี่สตางค์) นับแต่วันที่ 21 ธันวาคม 2547 จนถึงวันฟ้องเป็นเวลา ?? เดือน ?? วัน คิดเป็นดอกเบี้ย ??? บาท
5.20 ดอกเบี้ยค่าซื้อสินค้าตามฟ้องข้อ 3.20 เป็นจำนวน 15,236.80 บาท (หนึ่งหมื่นห้าพันสองร้อยสามสิบหกบาทแปดสิบสตางค์) นับแต่วันที่ 8 มกราคม 2548 จนถึงวันฟ้องเป็นเวลา ?? เดือน ?? วัน คิดเป็นดอกเบี้ย ??? บาท
5.21 ดอกเบี้ยค่าซื้อสินค้าตามฟ้องข้อ 3.21 เป็นจำนวน 12,540.40 บาท (หนึ่งหมื่นสองพันห้าร้อยสี่สิบบาทสี่สิบสตางค์) นับแต่วันที่ 16 มกราคม 2548 จนถึงวันฟ้องเป็นเวลา ?? เดือน ?? วัน คิดเป็นดอกเบี้ย ??? บาท
5.22 ดอกเบี้ยค่าซื้อสินค้าตามฟ้องข้อ 3.22 เป็นจำนวน 11,491.80 บาท (หนึ่งหมื่นหนึ่งพันสี่ร้อยเก้าสิบเอ็ดบาทแปดสิบสตางค์) นับแต่วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2548 จนถึงวันฟ้องเป็นเวลา ?? เดือน ?? วัน คิดเป็นดอกเบี้ย ??? บาท
5.23 ดอกเบี้ยค่าซื้อสินค้าตามฟ้องข้อ 3.23 เป็นจำนวน 11,491.80 บาท(หนึ่งหมื่นหนึ่งพันสี่ร้อยเก้าสิบเอ็ดบาทแปดสิบสตางค์) นับแต่วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2548 จนถึงวันฟ้องเป็นเวลา ?? เดือน ?? วัน คิดเป็นดอกเบี้ย ??? บาท
รวมทั้งสิ้นคิดเป็นค่าเสียหายที่จำเลยต้องชำระให้แก่โจทก์จำนวน ??? บาท รายละเอียดเป็นไปตามตารางแสดงการคำนวณดอกเบี้ย เอกสารแนบท้ายคำฟ้องหมายเลข ??
รวมเงินค่าซื้อสินค้าและค่าเสียหายที่จำเลยมีหน้าที่ต้องชำระให้แก่โจทก์ทั้งสินจำนวน ?? บาท (??) และโจทก์ขอคิดค่าเสียหายจากจำเลยเท่ากับดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 (เจ็ดครึ่ง) ต่อปี จากต้นเงินค่าสินค้าจำนวน 8,037,779.44 บาท (แปดล้านสามหมื่นเจ็ดพันเจ็ดร้อยเจ็ดสิบเก้าบาทสี่สิบสี่สตางค์) ถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจำเลยจำชำระเงินให้แก่โจทก์ครบถ้วน
โจทก์ไม่มีหนทางใดจะบังคับจำเลยได้ จึงต้องนำคดีนี้มาฟ้องศาลเพื่อขอบารมีศาลเป็นที่พึ่งเพื่อบังคับจำเลย
ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด
โจทก์ไม่มีหนทางใดจะบังคับจำเลยได้ จึงต้องนำคดีนี้มาฟ้องศาลเพื่อขอบารมีศาลเป็นที่พึ่งเพื่อบังคับจำเลย
ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น